ความต้องการ '6 ทำเลน้ำท่วม' หด กระจายเกาะรถไฟฟ้า

ความต้องการ '6 ทำเลน้ำท่วม' หด กระจายเกาะรถไฟฟ้า

เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.) ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดสัมมนาใหญ่ประจำปี “วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัย ปี 2555 กรุงเทพฯ-ปริมณฑล” มีตัวแทนจากสมาคมด้านอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการอสังหาฯ ร่วมเป็นวิทยากร ซึ่งเวทีสัมมนาสรุปภาพรวมอสังหาฯ ช่วง 4 เดือนแรกของปี 2555 พบว่าธุรกิจบ้านจัดสรรเปิดตัวลดลงค่อนข้างมาก ขณะที่คอนโดมิเนียมขยายตัวสูงสอดรับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นเนื่องจาก ผู้บริโภคหนีทำเลน้ำท่วมเข้าสู่พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ มากขึ้น

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ผลสำรวจศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ พบว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการบ้านจัดสรรเปิดขายใหม่ทั้งสิ้น 56 โครงการ รวม 6,939 ยูนิต ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเปิดตัวถึง 2 หมื่นยูนิต และพบว่าบ้านระดับราคา 2-2.99 ล้านบาทเปิดตัวมากสุด 2,398 ยูนิต รองลงมาคือราคา 3-4.99 ล้านบาท เปิด 1,791 ยูนิต เมื่อแบ่งตามประเภทบ้าน พบว่าบ้านเดี่ยวเปิดมากที่สุด 3,230 ยูนิต ตามด้วยทาวน์เฮ้าส์ 2,652 ยูนิต ที่เหลือเป็นบ้านแฝดและอาคารพาณิชย์ ทั้งหมดนี้มียอดจองแล้ว 1,100 ยูนิต หรือคิดเป็น 17%

แต่โครงการที่เปิดขายใหม่ ในโซนที่เกิดน้ำท่วม เช่น บางบัวทองและปทุมธานี มียอดจองเพียงโซนละ 5% เท่านั้น ขณะที่ทำเลมีนบุรี มียอดจองถึง 43%

คอนโดบูมกว่าแนวราบ3.2เท่า
ส่วนโครงการอาคารชุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดขายใหม่ทั้งสิ้น 50 โครงการ จำนวน 24,255 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งเปิดตัว 19,000 ยูนิต เมื่อจำแนกตามระดับราคา พบว่า เป็นระดับ 1-1.99 ล้านบาทมากที่สุด 7,949 ยูนิต ตามด้วยต่ำกว่า 1 ล้านบาท 6,103 ยูนิต ส่วนราคา 2-2.99 ล้านบาท เปิด 5,098 ยูนิต

นอกจากนี้ โครงการอาคารชุดเปิดใหม่ยังมียอดจองมากกว่าโครงการบ้านจัดสรร เนื่องจากส่วนใหญ่เปิดตัวในเขตเมือง เช่น พหลโยธิน มียอดจอง 84% รัชดาภิเษกลาดพร้าว 58% สุขุมวิทตอนปลาย 59% อย่างไรก็ดี โซนหลักสี่-ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ-รัตนาธิเบศร์ มียอดจอง 46% ลดลงเช่นกัน

“เมื่อเทียบตามจำนวนยูนิตจะพบว่า ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มีโครงการอาคารชุดเปิดใหม่มากกว่าบ้านจัดสรรถึง 3.2 เท่า เนื่องจากมีโครงการที่ชะลอจากเหตุการณ์น้ำท่วม และผู้ประกอบการบางรายหันมาทำคอนโดมิเนียม” นายสัมมากล่าวและว่า สำหรับโครงการที่เปิดใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้นปีนี้ ปรับขึ้นราคาไปแล้ว 3-5% คาดว่าจะปรับราคาเพิ่มจนถึง 10% ภายในสิ้นปีนี้

ในภาพรวม ผู้ประกอบการมีแผนจะเปิดบ้านจัดสรร ปีนี้ จำนวน 200 โครงการ และอาคารชุด 115 โครงการ

จับตา"ราชพฤกษ์"เส้นทางใหม่
ปัจจุบันในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการบ้านจัดสรรยังเปิดขายอยู่ 838 โครงการ มีจำนวนยูนิตตามผังโครงการรวมกันกว่า 1.65 แสนยูนิต แบ่งเป็นจำนวนที่ขายได้แล้ว 98,800 ยูนิต และเหลือขายประมาณ 66,200 ยูนิต มูลค่าเหลือขายกว่า 2.43 แสนล้านบาท

ขณะที่โครงการอาคารชุดในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีโครงการที่ยังเปิดขายอยู่ 358 โครงการ จำนวนยูนิตตามผังโครงการรวมกันกว่า 1.39 แสนยูนิต ในจำนวนนี้ขายได้แล้ว 97,900 ยูนิต และเหลือขาย 42,000 ยูนิต มูลค่าเหลือขายกว่า 1.2 แสนล้านบาท

นายสัมมา กล่าวอีกว่า โซนที่น่าสนใจช่วงต่อจากนี้ คือ ราชพฤกษ์ เพราะสังเกตได้ว่า ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา แม้โซนดังกล่าวจะได้รับผลกระทบ แต่ฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว อีกทั้งอนาคตจะมีโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคในช่วง 5 ปีนี้ เช่น สะพานข้ามแม่น้ำ เข้ามาเชื่อมต่อบริเวณดังกล่าว ทำให้การเดินทางเข้าออกกรุงเทพฯ ชั้นในสะดวกขึ้น

6โซนน้ำท่วมยอดหดวิ่งหารถไฟฟ้า
นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และประธานการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 26 กล่าวว่า จากการเปรียบเทียบทำเลที่ผู้บริโภคสนใจระหว่างงานมหกรรมฯ ครั้งที่ 25 และครั้งที่ 26 พบว่า ทำเลที่ได้รับการประกาศเป็นเขตอพยพช่วงน้ำท่วม 11 เขตมีความเปลี่ยนแปลงน่าสนใจ มีเขตที่ผู้บริโภคให้ความสนใจลดลง 6 เขต ความต้องการลดลงมากที่สุดที่คลองสามวา จาก 53.8% เหลือ 26.6% จตุจักร จาก 56.9% เหลือ 41.1% ตลิ่งชัน จาก 50% เหลือ 36.4% บางแค จาก 36.1% เหลือ 24% ดอนเมือง จาก 42.5% เหลือ 33.5% และหนองแขม จาก 33.3% เหลือ 30.8%

ความต้องการที่ลดลงในโซนต่างๆ ทำให้ผู้บริโภคหันไปเลือกที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงที่เดินทางสะดวกขึ้น เช่น ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟใต้ดิน เช่น จตุจักร กระจายไปอยู่ลาดพร้าว บางเขน ห้วยขวาง บางส่วนย้ายไปอยู่บริเวณใกล้แหล่งงานมากขึ้น เช่น จากหนองแขม กระจายไปสาทร อย่างไรก็ดี ยังมีเขตอพยพที่ต้องการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เช่น บางพลัด จาก 24.5% เพิ่มเป็น 30.9%

ด้าน นายธีรธร ธาราไชย ผู้อำนวยการสายงานวิจัยและพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการร่วมสำรวจกับศูนย์ข้อมูลฯเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคหลังสถานการณ์น้ำท่วม หากจะซื้อที่อยู่อาศัยในทำเลน้ำท่วม พบว่า ความต้องการ 3 อันดับแรก คือเตรียมระบบระบายน้ำที่ดีในโครงการ 23% เพิ่มความสูงของโครงการเพื่อป้องกันน้ำท่วม 18% มีแผนดูแลโครงการและลูกบ้านในภาวะน้ำท่วม 17%

“แต่พอถามต่อไปว่า แผนป้องกันและปรับปรุงโครงการของผู้ประกอบการมีผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างไร ผู้บริโภค 30% บอกว่าสนใจมากขึ้นและยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคถึง 60% สนใจมากขึ้น แต่ไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่ม”

ชี้ 5 ปัจจัยหลักตัวแปรอสังหา
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าคอนโดมิเนียมเป็นพระเอกของวงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะระดับ 1-5 ล้านบาท ทำยอดขายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แต่บ้านแนวราบก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาไม่น้อย ทาวน์เฮ้าส์ฟื้นตัว 80% บ้านเดี่ยวราคา 3-7 ล้านบาท ฟื้นตัว 70-80% ขณะที่บ้านเดี่ยวระดับราคา 7-10 ล้านบาท ฟื้นตัว 50%

ทิศทางในอนาคตของวงการอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ ขึ้นอยู่กับปัจจัย 5 ประการ ประการแรก คือผังเมืองรวมกทม. แม้ผังเมืองจะมีแนวโน้มกลับไปยึดเกณฑ์ความกว้างถนนในการก่อสร้างอาคารตามผังเมือง กทม.2549 แล้ว แต่ผู้ประกอบการก็ยังกังวล ไม่กล้าพัฒนาคอนโดมิเนียม จนกว่าจะผ่านพ้นการติดประกาศเพื่อให้ประชาชนรับทราบและยื่นข้อร้องเรียน 90 วัน ประการที่สอง คือค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับสูงขึ้น ประการที่สาม คือปัญหาแรงงานขาดแคลน ประการที่สี่ คือผู้รับเหมาก่อสร้างมีงานล้นมือ ประการสุดท้าย คือราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้น

นายอารีศักดิ์ เสถียรภาพอยุทธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนาสิริ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำท่วมปีที่ผ่านมา ทำให้โครงการโซนนนทบุรี 12 โครงการของบริษัทถูกน้ำท่วมทั้งหมด และคาดว่าการซื้อขายบ้านจะซบเซาจนถึงปี 2556 ผู้เข้าชมโครงการในจังหวัดนนทบุรีช่วงเดือนมี.ค. ลดลง 84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี แต่สถานการณ์ค่อยๆ ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้มาก

บริษัทยังสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเกี่ยวกับความกังวล พบว่า สาเหตุที่ผู้บริโภคไม่เข้าชมโครงการมากที่สุดคือ เพราะเป็นพื้นที่น้ำท่วม 70% รอดูสถานการณ์ 15% ยังมีภาระซ่อมบ้าน 12%

“จากการสำรวจสถานการณ์เพิ่มเติมในเดือนม.ค.-มี.ค. พบว่า สาเหตุที่ลูกค้าไม่จอง เพราะย้ายไปทำเลน้ำไม่ท่วม 35% เปลี่ยนใจไปซื้อคอนโดในเมือง 22% รอดูสถานการณ์น้ำ 18% โดยลูกค้าที่ย้ายทำเลย้ายไปไม่ไกลจากโซนน้ำท่วมนักราว 1-5 กิโลเมตร” นายอารีศักดิ์ กล่าวและว่า สำหรับสาเหตุหลักที่ลูกค้าจองบ้าน เลือกเพราะโปรโมชั่น 55% พอใจแผนป้องกันน้ำท่วมของโครงการ 35% อื่นๆ 10%

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/property/property/20120517/452098/ความต้องการ-6-ทำเลน้ำท่วม-หด-กระจายเกาะรถไฟฟ้า.html

โดย : bangkokbiznews [ 21 พฤษภาคม 2555 09:06:38]

บ้านมือสอง | จองโรงแรมราคาพิเศษ | บ้านเดี่ยว | ทาวน์เฮาส์ | คอนโดฯ

หน้าแรก | มุมสมาชิก | ติดต่อเรา | Sitemap|

RSS

หาฝรั่ง เช่า / ซื้อ อสังหาฯของท่านได้ที่นี่:: ลงประกาศ หาชาวต่างชาติเช่า/ซื้อ บ้าน คอนโด ที่ดิน อสังหาฯ ในประเทศไทย ทุกจังหวัด ลงประกาศฟรี

บริหารงานโดย Pirapat Organization.
Copyright © 2008-2024 http://www.thaihomelist.com
support@thaihomelist.com